วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เพิ่มการเผาผลาญร่างกาย ด้วยอาหารกันเถอะ


หลายคนเมื่ออายุมากขึ้นอาจมีความสงสัยว่า "ทำไมรูปร่างดูอวบอ้วนขึ้น ไม่ฟิตแอนด์เฟิร์มเหมือนแต่ก่อน ทั้ง ๆ ที่กินไม่เยอะเลยสักนิด" คนเราเมื่ออายุย่างเข้าเลขสาม (สิบ) เมตาโบลิซึ่ม หรือ ระบบการเผาผลาญในร่างกายเริ่มลดถอย ทำงานช้าลง ระบบการเผาผลาญแคลอรี่จึงต่ำลงตามมา จึงส่งผลต่อน้ำหนักที่มีมากขึ้น

          แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่สามารถเพิ่มเมตาบอลิซึ่มได้ซะหน่อยนิ เพียงแค่เริ่มจากการรับประทานอาหารมื้อเช้าเป็นสำคัญ เพราะใน 8-9 ชั่วโมงที่คุณหลับพักผ่อนนั้น ร่างกายจะหิว เมตาบอลิซึ่มจะทำงานอย่างช้า ๆ เพื่อรักษาระดับพลังงานในร่างกาย (แคลอรี่) การรับประทานอาหารเช้าจึงเป็นตัวการช่วยกระตุ้นการทำงานของเมตาโบลิซึ่ม

          ส่วนระหว่างวันควรรับประทานน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง ตัดใจจากขนมปัง ของหวานในมื้อสาย หรือช่วงบ่าย เพราะของเหล่านี้จะช่วยคงระดับของน้ำตาลในเลือด การสร้างพลังงาน กระตุ้นการทำงานของระบบการเผาผลาญในร่างกาย 

          หมั่นออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ อาจเลือกวิธีการออกกำลังกายที่เน้นการสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง กระชับ นั่นหมายถึงแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญออกไป และที่สำคัญการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะยังช่วยให้ร่างกายยังคงเกิดการเผาผลาญต่อไปอีก 2 ชั่วโมง หลังจากที่เราออกกำลังกายเสร็จ

          ในมื้ออาหารควรมีวิตามินบี 5 เช่น ถั่วลันเตา กะหล่ำปลี มะเขือเทศ อะโวคาโด เห็ด โฮลวีต ผสมอยู่ด้วย เพราะวิตามินบี 5 จะช่วยเพิ่มระดับเมตาบอลิซึ่มในร่างกายได้ค่ะ

6 นิสัยทำลายความสัมพันธ์


คบกันใหม่ ๆ อะไรก็ดีไปหมด แต่ระยะนี้คุณสังเกตว่าเขาเปลี่ยนไป เลยคิดไปต่าง ๆ นานา และหาวิธีเพื่อให้เขากลับมาเป็นคนเดิมของคุณ ซึ่งคุณเคยสังเกตตัวเองบ้างหรือเปล่า เพราะจริง ๆ แล้วสาเหตุที่เขาเปลี่ยนไป อาจจะเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวของคุณเองก็ได้ มาดูกันดีกว่าสาว ๆ มีนิสัยเหล่านี้กันบ้างหรือเปล่า


1. เช็คข้อมูลทุกการสื่อสาร

            ทั้งข้อความ บันทึกการโทรเข้าและโทรออก อีเมล หรืออื่น ๆ เท่าที่คุณจะทำได้ นิสัยแบบนี้แหละที่ทำให้คู่รักทะเลาะกันมากนักต่อนักแล้ว ฉะนั้น คุณควรเชื่อใจคนรักของคุณ ปล่อยให้เขาได้มีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเองบ้าง ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะคุณเองก็คงไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตของคุณมากเกินไปหรอก...ใช่ไหมคะ

2. ติดตามทุกโซเชียลมีเดีย

            ดูประวัติการคอมเม้นท์ ไม่ว่าเขาจะคอมเม้นใคร หรือใครจะโพสต์อะไรในไทม์ไลน์ ฟอลโลว์ทุกความเคลื่อนไหวในทวิตเตอร์ หากคุณทำแบบนี้เขาคงใส่เกียร์ถอยตั้งแต่นาทีแรกที่รู้ ถ้ามีเรื่องอะไรสงสัยก็ถามไปเลยตรง ๆ ดีกว่าปล่อยให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว ทั้งที่ความจริงแล้วอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ เพราะถ้ามีอะไรสำคัญ เขาก็คงบอกคุณด้วยตัวเอง อย่าไปตัดสินตัวตนเขาบนโลกออนไลน์เลยค่ะ


3. ติดต่อกับคนรักเก่า

            ถึงแม้ว่าคุณและเขาจะเป็นแค่เพื่อนกันจริง ๆ ก็ตาม แต่มันอาจทำให้คุณกับคนรักมีปัญหากันก็ได้ ทางที่ดีแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันไปเลยดีกว่าว่าเขาเป็นใคร และตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไร แสดงความจริงใจให้เขารู้ว่าไม่มีอะไรแล้วจริง ๆ อีกทั้งหากออกไปเจอกันก็ควรบอกเขาให้รู้ทุกครั้ง หรือพาเขาไปรู้จักกันก็ได้ เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย


4. ขาดการดูแลเอาใจใส่

            ทั้งความรู้สึกและการแสดงออกของคุณ มันอาจจะทำให้เขารู้สึกว่าคุณรักเขาจริง ๆ หรือเปล่า ดังนั้น คุณควรแสดงให้เขาเห็นว่าคุณแคร์เขามากแค่ไหน ทั้งการกระทำและคำพูด หากสัญญาอะไรออกไปแล้วก็ควรทำตามคำพูด และใส่ใจความรักคุณให้มาก ๆ ด้วย การชวนกันออกไปเที่ยว กินข้าว ดูหนัง หรือทำอะไรใหม่ ๆ ที่จะทำให้ความรักของคุณสดใสอยู่ตลอดเวลา


5. ไม่เป็นตัวของตัวเอง

            เปลี่ยนตัวเองให้เป็นแบบที่เขาต้องการ เพื่ออยากให้เป็นผู้หญิงในฝันของเขา ทั้งนิสัย งานอดิเรกที่คุณเคยชอบ และการใช้ชีวิตที่ผูกติดอยู่กับเขาตลอดเวลา จนลืมคนรอบ ๆ ตัวที่เคยอยู่ข้างคุณมาตลอด คุณควรแบ่งเวลาให้คนในครอบครัว เพื่อน ๆ และตัวเองบ้าง เพื่อให้คุณทั้งคู่มีเวลาคิดถึงกันบ้างยังไงล่ะ

6. ชอบเปรียบเทียบกับคู่รักอื่น ๆ

            คุณมักจะมองหาความเพอร์เฟคท์ในตัวคนรักของคุณอยู่เสมอ ทั้งการงาน การใช้ชีวิต และคิดเรื่องอนาคต รวมทั้งฝันถึงงานแต่ง คิดถึงเรื่องลูก ทั้งที่จริง ๆ แล้วตัวคุณเองก็ยังไม่พร้อม ความรักไม่มีใครออกแบบได้ และไม่มีข้อกำหนดว่าคุณจะต้องแต่งงานอายุเท่าไหร่ มีลูกตอนกี่ปี ปล่อยไปสบาย ๆ ดีกว่า เพราะความรักไม่ใช่การแข่งขัน กดดันคู่รักของคุณไปก็เท่านั้น มีแต่จะทำให้เกิดความเครียดเปล่า ๆ ทำให้ความรักของคุณมีความสุขในทุก ๆ วันดีกว่า


            คนเราต่อให้เป็นเนื้อคู่กัน ก็ใช่ว่าจะต้องมีอะไรเหมือนกันไปซะหมด ให้เวลาคุณทั้งคู่ปรับตัวเข้าหากันดีกว่า นิสัยอะไรที่คุณคิดว่าไม่ดีก็โยนทิ้งไปซะ อย่าปล่อยให้มาเป็นปัญหาระหว่างคุณกับเขาเลยดีกว่า ปล่อยให้ความรักเดินไปในทางที่ควรเป็นดีกว่าจ้า 

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คุณค่าของเวลา





วันนี้ 'นมอุโด้ส' จะมาบอกถึง สิ่งที่เรียนรู้เมื่ออายุปูนนี้ รับรอง "สุหนัก"





1. มนุษย์ต้องการสิ่งที่ตนเองไม่มี 

2. เวลาที่เราวิ่งมารับโทรศัพท์จากที่ไกลๆ เมื่อถึงโทรศัพท์ เสียงมันมักจะหยุด เราจะช้าไป 1 จังหวะเสมอ

3. ถ้าแอบรักใคร อย่าฝากใครไปบอก บอกด้วยตัวเองจะดีกว่า

4. เวลาสั่งอาหารไว้นานแล้วยังไม่ได้สักที ให้พูดว่า ไม่เอา จะได้เร็ว

5. ถ้าเรียกเก็บเงินแล้วไม่มีใครมาเก็บเสียที ให้ลุกขึ้นทำท่าจะกลับทั้งโต๊ะ จะมีพนักงานพุ่งมาทันที

6. ปลูกต้นลั่นทมไว้หน้าบ้าน ไม่เกี่ยวอะไรกับความทุกข์ระทมของตัวเราเลย

7. ระวังคนขายโรตี ที่เพิ่งเดินออกมาจากป่าละเมาะ, พุ่มไม้, ซอกตึก อย่าตัดสินใจซื้อจนกว่าเขาจะล้างมือ

8. ไม่มีสัจจะในร้านตัดเสื้อ

9. ระวังคนที่แสดงออกว่าเป็นคนดีมากๆ

10. อย่าซื้อทุเรียนมาปอกเอง

11. หนังสือดี คือ หนังสือที่เราชอบอ่าน, หนังดีคือ หนังที่เราชอบดู

12. อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่เรานินทามากๆ อย่าลืมย้ำบ่อยๆ ว่า "อย่าบอกใครนะ"

13. อย่าทิ้งกระดาษชำระไว้ในชามก๋วยเตี๋ยว คนล้างจะเสียความรู้สึก

14. เรียกยามว่า ซีเคียวรีตี้ การ์ด ยามจะตั้งใจโบกรถ

15. อย่าซื้ออะไรที่ต้องเอามาซ่อมต่อ

16. รถในเมืองไทยพวงมาลัยอยู่ทางขวา แต่ฝาน้ำมันไม่อยู่ขวาเสมอไป

17. ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนไม่ต้องเอายาสีฟันไปก็ได้ ยังไงเพื่อนต้องมี

18. ตลาด อ.ต.ก. มาจากคำว่า เอเวอรี่ติง เกินราคา

19. เวลาดูหนังโรง ควรจำว่ากระปุกน้ำอยู่ด้านไหน

20. ตัดผมวันพุธได้ ไม่บาป

21. คนไม่กินเนื้อ ไม่ได้แปลว่าเป็นคนดีเสมอไป

22. เวลาบ้วนน้ำยาลิสเตอรีนออกจากปาก ให้หลับตาด้วย

23. ปูอัด มันทำจากปลา

24. กินก๋วยเตี๋ยวจากตะเกียบไม้อร่อยกว่า

25. อย่าไปจ่ายตลาดเวลาหิว เราจะซื้อมาเยอะเกินจำเป็นเสมอ

26. ในโลกนี้จะชอบมีคนมาทักอยู่ 2 ประเภทเท่านั้น ประเภทแรก อ้วนขึ้นนะ กับประเภทที่ 2 ผอมลงนะ ไม่มีใครเข้ามาทักว่า ปกติดีนี่ไปทำอะไรมา

27. คนที่เอาหมวกตำรวจ หรือชุดตำรวจแขวนไว้หลังรถมิใช่เพราะบ้านเค้าไม่มีตู้ เค้าไม่ได้ลืม เค้าแค่กลัวคนไม่รู้ว่าเขาทำอาชีพอะไร

28. คนที่มีรถทะเบียนเลขเดียวเรียงติดกันหลายๆ ตัว เป็นคนธรรมดาเหมือนกับเรา

29. คนที่มีความรู้มากๆ เขามักจะใช้ความรู้ขังจินตนาการ

30. ฟู่ฟ่าเดี๋ยวก็วาย เรียบง่ายอยู่ได้นาน

31. จงอย่าอิจฉาคนอื่น แต่จงใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา

32. เวลาที่เปิดหนังสือให้เพื่อนดู หน้าที่ตัวเองพูดถึงมักจะหาไม่เจอ

33. ขนมและน้ำในโรงหนัง จะแพงกว่าข้างนอก

34. ห้องน้ำผู้หญิง ผู้ชายเข้าไปดูเป็นพวกโรคจิต, ห้องน้ำผู้ชาย ผู้หญิงเข้ามาดูเป็นแม่บ้าน

35. เวลารถติด เลนอื่นมักไปได้เร็วกว่าเลนเราเสมอ

36. ถ้าเราขับรถไม่ทันไฟเขียวเป็นคันสุดท้าย ให้คิดว่าเดี๋ยวเราจะได้ไปเป็นคันแรก

37. ถ้ามีการแนะนำตัวว่า 'นี่เพื่อนฉัน' หมายความว่า 'แฟนฉัน'

38. ถ้ามีการแนะนำตัวว่า 'นี่แฟนฉัน' หมายความว่า 'ผัว/เมียฉัน'
 

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ยอมให้กันบ้าง เพื่อรักที่เข้าใจมากขึ้น

     





      ไม่มีใคร "เถียงกัน" แล้ว "เข้าใจกันมากขึ้น" หรอก มีแต่ "ยอมฟังกันและกัน" ต่างหาก ถึงจะเข้าใจกันได้จริง ๆ 

           บ่อยครั้งที่คนรักกันจะเจออุปสรรคทางความคิด บางทีคิดไม่ตรงกัน ก็เกิดเป็นความขัดแย้ง ยิ่งถ้ามีฝ่ายไหนเอาแต่ใจว่าตัวเองคิดถูกฝ่ายเดียว อีกฝ่ายก็จะเถียงโดยอัตโนมัติ เถียงกันบ่อย ๆ ก็เหมือนกับการสร้างแผลทางใจให้กันอยู่เรื่อย ๆ ครั้งแรกอาจแค่ถลอก แต่ถ้าเถียงบ่อย ๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตอย่างที่เราคาดไม่ถึง รู้อย่างนี้แล้ว ยังจะทำให้ความรักมีแผลไปถึงไหน นานไปก็จะกลายเป็นแผลเป็น แล้วจะนึกถึงกันแบบเจ็บปวด เพราะมีแต่คำพูดร้าย ๆ ที่ฟังแล้วไม่ได้รู้สึกอบอุ่นขึ้นสักนิด 

           ยิ่งเถียงกันด้วยอารมณ์ ก็ยิ่งควบคุมได้ลำบาก "บางครั้งคำพูดแรง ๆ บางคำ ก็จะหลุดออกมา ทั้ง ๆ ที่คนพูดไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกมาจริง ๆ" ถึงจะอธิบายในตอนหลังว่าไม่ได้ตั้งใจ มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี เพราะคนฟังมันเสียใจไปแล้ว อย่างนี้นี่เอง เขาถึงให้ระมัดระวังอย่าปล่อยให้ความรัก ถูกกระทบกระเทือนบ่อย ๆ ไม่ว่าจะทั้งการกระทำและคำพูด ถ้ายอมกันไม่ได้...การจะเดินไปด้วยกัน ให้ถึงจุดหมายมันก็ลำบาก 

           สำหรับบางคน การ "ยอม" อาจหมายถึงความพ่ายแพ้ ก็แปลว่าคนคนนั้น...ไม่ได้พร้อมที่จะมีความรัก ไม่ควรที่จะรักใคร และไม่สมควรที่จะถูกใครรัก เพราะถ้าพร้อมที่จะรักได้จริง สิ่งสำคัญบางอย่างที่เราต้องยอมปล่อยมันทิ้งระหว่างทางบ้างก็คือ "ทิฐิ" การมีทิฐิจะกี่มากน้อยไม่สำคัญเท่ากับครั้งหนึ่งรู้จักวางทิฐิลง เพื่อที่จะประคับประคองความรักให้ยังอยู่ ไม่ใช่ถือทิฐิแบบวางไม่ลง พาลทำให้ความรักเกิดแผล และมานั่งเจ็บปวดทรมานกับแผลที่ตัวเองสร้างขึ้นภายหลัง 

           ยอมให้กันบ้างก็ได้...มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรเลย ฝึกที่จะ "ยอมฟังกันและกัน" ให้คุ้นเคย แล้วจะรู้ว่ามันคุ้มค่าที่ได้เข้าใจกัน และความรักก็จะนั่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ เรา 

           การชนะอะไรก็แล้วแต่ ไม่มีการชนะใดจะสำคัญเท่าการชนะใจตัวเอง ลองดูนะ ลองชนะใจตัวเองดูสักครั้ง แทนที่จะแย่งกันเถียง ๆ ๆ ๆ ก็เปลี่ยนมาแย่งกันยอม ๆ ๆ ๆ ถ้าทำได้อย่างนี้ สถานการณ์จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ...ฉันเห็นออกจะบ่อยว่าพอมีอีกคนยอม อีกคนก็จะยอมตาม ถ้ามีอีกคนยอมรับว่าตัวเองผิด ก็จะมีอีกฝ่ายบอกว่า "ไม่หรอก ผมต่างหากที่ผิด" จากนั้นการสลับกันตัวเล็กตัวใหญ่ก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง เห็นไหมว่าคำคำเดียว สามารถพลิกเหตุการณ์เลวร้ายให้กลับมาดีขึ้นได้ คำว่า"ยอม" ..."ผมก็ยอม" ฟังดูดีกว่าคำว่า "ฉันไม่ยอม!" "ผมก็ไม่ยอม!" เป็นไหน ๆ

           เรื่องความรักยังมีอีกหลาย ๆ องค์ประกอบที่จะเกิดขึ้น เวลารักใครสักคนก็เหมือนเวลาทำข้อสอบ ต้องทำไปทีละข้อ ๆ และพร้อมที่จะสอบอยู่เสมอ อย่าบั่นทอนความรักให้แย่ลงด้วยการเถียงกันเลย มาทำความรักของเราให้ดีกันดีกว่า ครั้งหน้าถ้ามีเรื่องไม่เข้าใจกัน จนถึงขั้นต้องเถียงกันอีกรอบล่ะก็...เราลองเป็นฝ่ายพูดก่อนสิว่า "ยอม" ฉันเชื่อว่าต่อให้เป็นคนใจแข็งที่สุดในโลก ลองถ้าเจอคำคำนี้เข้าก็ต้องเผลอใจอ่อนพูดคำว่า "ยอม" ออกมาเหมือนกันนั่นแหละ จำไว้นะ...โลกนี้ไม่มีใครใจแข็งเท่าเราหรอก ถ้าคนใจแข็งอย่างเราไม่ยอมก่อนแล้วใครจะกล้ายอมบ้างล่ะ...จริงไหม?

ทรงผมสำหรับสาวหูกาง


         เกิดมาเป็นสาวหูกาง ใช่ว่าจะสวย เริ่ด เชิด มั่นไม่ได้นะคะ เพราะเดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็เป็นไปได้หมด จุดไหนไม่พอใจก็แต่งนิด เสริมหน่อย ตัดนู่น เติมนี่ ก็ดูดีขึ้นได้แล้ว (ปัจจุบันการทำศัลยกรรม ได้รับการยอมรับมากขึ้น อยากสวย หรือพอใจทำก็ทำไปเถอะค่ะ ขอแค่เลือกสวยให้ถูกวิธี ถูกต้อง และปลอดภัย ก็โอเคแล้วค่ะ ^^)


          ส่วนสาว ๆ ที่มีปมนิด ๆ แต่ไม่ถึงกับด้อยมากอะไรมาก อย่าง "สาวหูกาง" หากไม่อยากทำศัลยกรรม ก็มีอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณสวยดูดีขึ้นได้ นั่นคือ... การเลือกทรงผมให้เหมาะกับบุคลิก และช่วยอำพรางใบหูกาง ๆ ของคุณค่ะ ซึ่งทรงผมที่เหมาะกับสาวหูกางคือ ทรงผมที่เน้นช่วงปลายผมให้ดูพอง ๆ อย่างทรงผมดัดลอนใหญ่ ทรงม้วนโรลตั้งแต่ช่วงหูลงมา หรือถ้าอยากไว้ผมสั้นก็ทำได้ เพียงแค่เลือกทรงที่มีความยาวปิดใบหู แล้วทำผมพอง ๆ ฟู ๆ อาจดัดปลายผมเพิ่ม ก็ช่วยพรางความกางของหูได้เยอะค่ะ ที่สำคัญหากผมไม่หนาพอ คุณไม่ควรทำทรงผมตรงอย่างเด็ดขาด เพราะจะเน้นให้เห็นใบหูมากขึ้น ประมาณว่า ผมตรงลีบแบนลงมา แล้วมีใบหูโผล่ออกมาอย่างเห็นได้ชัดขึ้น (อร๊ายยย... ไม่นะ!!)



          สำหรับสาวหูกางคนไหนที่ยังคิดไม่ออก และไม่รู้จะทำผมทรงไหนดี วันนี้กระปุกดอทคอมมีแบบทรงผมน่ารัก ๆ อินเทรนด์ ๆ สำหรับคนหูกางมาฝากเพื่อน ๆ กันด้วย ถ้าพร้อมจะสวยมั่นใจไปกับทรงผมใหม่แล้ว ก็ตามไปดูกันเลย...















เอาใจแฟนอย่างไร ให้เขารู้ว่ารักโดยไม่ต้องพูด


        


     หลังจากเป็นแฟนกันแล้ว เราก็มักจะลืมที่จะทำอะไรหวานแหววเพื่อเพิ่มความรู้สึกดี ๆ ให้กัน เพราะเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องแสดงความรักให้มากก็รู้กันอยู่แล้ว แต่ที่จริงไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เราก็อยากให้อีกฝ่ายทำอะไรหวาน ๆ ให้เรารู้สึกว่าตัวเองยังเป็นคนสำคัญทั้งนั้นแหละ ซึ่งถึงแม้จะรู้อย่างนั้น หลาย ๆ คนก็อาจจะเขินถ้าจะต้องบอกรักแฟนตัวเองอยู่ดี ดังนั้น วันนี้กระปุกจึงได้รวบรวมวิธีแสดงออกให้เขารู้ว่ารักโดยไม่ต้องพูดมาฝาก ลองไปอ่านกันดูเลยค่ะ 

1. รวมอาหารที่เขาชอบไว้ในมื้อใหญ่ของคุณ

          หลังจากคบกันได้สักพักแล้ว คุณก็คงพอจะรู้แล้วล่ะว่าเขาชอบทานอะไรเป็นพิเศษบ้าง ซึ่งถ้าวันสำคัญวันไหนคุณอยากทำเซอร์ไพรส์ดี ๆ ให้เขาประทับใจบ้างล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องชวนเขาไปทานร้านอาหารแพง ๆ ให้เปลืองเงินหรอก แค่ชวนเขามาที่บ้านและทำอาหารอร่อย ๆ ที่เขาชอบทานให้ก็พอแล้ว เชื่อเถอะว่าเขาจะรู้สึกดียิ่งกว่าไปภัตตาคารไหน ๆ ซะอีก เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคุณตั้งใจทำเพื่อเขา แถมยังเอาใจใส่สังเกตสิ่งที่เขาชอบมาตลอดอีกด้วย

2. ให้เขาได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง 

          การแสดงออกว่าคุณไว้ใจเขาก็เป็นสิ่งสำคัญมากเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ลองทำตัวเป็นแฟนใจกว้าง ปล่อยให้เขาได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ โดยไม่มีคุณบ้าง โดยคิดซะว่าวันนั้นเป็นวันของเขากับเพื่อน ๆ ที่คุณให้เขาได้มีอิสระเต็มที่ แบบที่ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าคุณจะคอยโทรตามจิกว่าเขาจะกลับบ้านเมื่อไหร่ เท่านี้ก็จะทำให้เขารับรู้ว่าคุณเข้าใจและเชื่อใจเขาได้ โดยไม่ต้องพูดแล้วล่ะ

3. ติดโน้ตน่ารัก ๆ ไว้ตามที่ต่าง ๆ

          เซอร์ไพรส์โรแมนติกอย่างการซ่อนโน้ตที่เขียนข้อความให้กำลังใจไว้ในที่ต่าง ๆ ที่เขาคาดไม่ถึงก็สามารถทำให้เขาอารมณ์ดีไปทั้งวันได้เหมือนกัน โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเขียนข้อความหวานเลี่ยนยืดยาว แค่คำพูดให้กำลังใจสั้น ๆ เช่น "โชคดีนะ" หรือ "เป็นกำลังใจให้เสมอ" แค่นี้ก็พอแล้ว จากนั้นก็นำไปซ่อนไว้ในที่ต่าง ๆ อย่างตามลิ้นชักหรือในกระเป๋าเสื้อของเขา และไม่ต้องสนใจว่าเขาจะไปเปิดเจอเมื่อไหร่ วันไหนที่เขาเห็น อาจช่วยเป็นกำลังใจดี ๆ ในวันแย่ ๆ ได้อย่างคาดไม่ถึงเลยก็ได้นะ

          จำไว้ว่าไม่ว่าอย่างไรการกระทำก็สำคัญกว่าคำพูด ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องบอกรักทุกวันเพื่อให้เขารู้ว่าคุณรักเขาหรอก แค่เอาใจใส่ดูแลเขาอย่างที่ควรทำ เท่านั้นก็พอแล้ว